โครงการหลวง ป่าสนวัดจันทร์

โครงการหลวง ป่าสนวัดจันทร์
โครงการหลวงป่าสนวัดจันทร์

21/4/54

เพื่อนมนัส และ พ.ต.อ.พิษณุ‏




ความคืนหน้า เพื่อนมนัส อินศรีชื่น ปัจจุบันอาการดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถนั่งได้
ตอนนี้กำลังจะหัดยืนให้ได้ เมื่อยืนได้แล้วก็จะหัดเดินต่อไป ซึ่งเพื่อนมนัส มีอาการดีขึ้นมาก
กำลังใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยได้ตามปกติ ชูสองนิ้วเลยหละ
สำหรับผู้กองพิษณุ ดีใจหน้าสดชื่น เพราะได้เป็นคุณตาแล้ว บุตรสาวคนเล็กคลอดลูก เมื่อวันที่ 14 เม.ย.54
หลังจากกลับจากงานเลี้ยงรุ่นวันที่ 13 เม.ย. ลูกสาวคลอดตอน ตีหนึ่งของวันที่ 14
เป็นหลานสาวคนแรกของครอบครัว ของให้มีความสุขมากๆ นะเพื่อน
มนตรี
ปล. แก้ข่าว ที่ผมเขียนสารสัมพันธ์ ว่าคุณสมสักดิ์ ศรีวันทนียกุล(ซึ่งสมสักดิ์ก็สะกดผิด) บริจาค 1,000.-บาทนั้น
ขอแก้ข่าว ว่าชื่อที่ถูกต้องคือ คุณสมนึก ศรีวันทนียกุล (ชอร์)
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สารสัมพันธ์ 14-16 เม.ย.54



ถึง เพื่อน พ.พ.14-16
งานสังสรรค์รุ่นและรดน้ำดำหัวอาจารย์ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2554 ที่ร้านอาหารบ้านครัวตี๋น้อยก็ผ่านไปด้วยดี มีเพื่อน ๆ มาลงทะเบียนร่วม 51 คน อาจารย์ 8 ท่าน และมีเพื่อนที่ไม่ได้มาร่วมงานบริจาคเงินอีก 4 ท่าน 1.พล.ต.เด่นดวง ทิมวัฒนา 2,000.-2คุณสมนึก ศรีวันทนียกุล 1,000.-3.คุณเพ็ญประภา สังข์เมือง 1,000.-และ 4พ.อ.ธนัญชัย พยัตตพงษ์ 500.-ชมรมฯขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ สารสัมพันธ์ ฉบับนี้ มีเพื่อนของเราส่งบทความมาให้อ่าน และคำกลอนของคุณสุรชัย พงษ์พานิช ซึ่งพวกเราทุกคนสามารถเขียนบทความ หรือสารอื่น ๆ ข้อมูลความเคลื่อนไหวมาให้ชมรมฯได้ตลอดเวลานะครับ ผมเป็นสื่อกลาง ให้กลับเพื่อน ๆ ได้ตลอดเวลา
ปัจจุบันข่าวสารของชมรมมี 3 ช่องทางคือ 1.เวปไซด์ของชมรม ซึ่งเพื่อนสามารถติดตามข่าวสารจากช่องทางนี้ได้ http://pp14-16.blogspot.com/ ถ้าไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ให้พิมพ์ ชมรมศิษย์เก่า พ.พ.14-16 ที่ google และกด enter ก็จะปรากฏลิงค์ชองชมรมมาให้เห็น ซึ่งเพื่อนสามารถติดตามข่าวย้อนหลังได้ที่คลังบทความ 2.ช่องทาง e-mail address ปัจจุบัน เพื่อน ๆ มีอีเมล์แล้วจำนวน 98 คน ซึ่งก็ได้มีส่งข่าวหรือสารสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ซึ่งถ้าเพื่อนไม่ถนัดจะสมัครอย่างไร ให้ลูกๆ หลาน ๆสมัครให้ ก็ได้ซึ่งก็มีเพื่อนเราหลายคนให้ลูก สมัครให้ และเปิดให้ดู เป็นระยะๆ และช่องทางที่ 3 คือ ทางจดหมาย ซึ่งจะช้าหน่อย อาจจะ 2 เดือน ครั้ง หรือ 3 เดือนครั้ง หรือถ้าเดือนไหนขยันหน่อยก็เป็นเดือนละครั้งเป็นต้น
วารสาร-ถึงเพื่อนๆ ชาวพ.พ.14-16
ไม่ได้เขียนถึงเพื่อนๆมานานมาก จนเพื่อนๆลืมต้อยดาร์กี้กันหมดแล้ว วันนี้มีอารมณ์อยากจะเขียนถึงเพื่อนจากงานเลี้ยงมุทิตาจิตอาจารย์ 13 เม.ย.2554 ที่ร้านอาหารบ้านครัวตี๋น้อยของคุณคำแสนแล้วมีอยู่ช่วงหนึ่ง พวกเราขึ้นร้องเพลงฮิตประจำ พ.พ.กันนั้น คือเพลงพิทยาสถาพร ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาหลายปี 1.ที่พิจิตร ไปงานเลี้ยงสังสรรค์พบเพื่อนเราหลายคน หลังจากงานเลี้ยงเลิกราก็มาต่อกันร้านข้าวต้ม จำชื่อร้านไม่ได้แล้วแล้วเพราะเมา ก็เป็นธรรมเนียม ข้าวต้ม +1 แบน+2 แบน พอได้ที่เลือดม่วงขาวเข้างสิง ร้องเพลงพิทยาสถาพรกันทั้งโต๊ะ ร้อได้ครึ่งเพลง สังเกตุ แอ้! ทำไมเสียงมันดังจะว่ะ หันไปดูโค๊ะข้างๆ โอ้โห้ ขาแจมเพียบทั้งร้องทั้งปรมมือดังหึ้มไปทั้งร้าน มีโต๊ะข้างแจมอยู่โต๊ะ ปรมมืออย่างเดียว ไม่ร่วมร้องเพลงด้วย จบเพลงเข้าไปถามไถ่ พ.พ.รุ่นไหนเนี้ย! เค้าบอกพ.พ.รุ่น14-16 อ้าวรุ่นเดียวกันนี้หว่า! ถ่ามเพื่อนๆ เคยเห็นหน้าเค้าหรือเปล่าดูไม่คุ้นเลย ทำไม่ไม่ร้องเพลงหละ จำเนื้อเพลงไม่ได้หรอ! จำได้ครับแต่ร้องเพลงแล้วเนื้อเพลงมันกระโดด ทำให้ร้องผิดจังหวะ คือผมพยายามร้องตามอย่างนี้ พิจิตรพิทยาคมน่าชมสง่างาม สมกับนามพิจิตรพิทยาคม! เอ้าไอ้ห่า! จบพ.พ.14-16 โรงเรียนพิจิตรพิทยาคม ถึงว่าทำไมเอาแต่ปรบมือ ! ฮ่า ๆๆๆๆ 2.ที่ปัตตานี ! พ.พ.รุ่นน้องเล่าให้ฟัง ไปเป็นทหารเกณท์ ถูกส่งไปดูแลความสงบสุขให้คนใต้ อย่านึกว่าจะไม่มีชาว พ.พ.อยู่ ! มีครับมีเพียบ เคยร้องเพลงพิทยาสถาพร ตามร้านอาหารมาแล้ว เหมือนที่พิจิตรเลยขาแจมมาเพียบ แต่มาเป็นลูกๆ ลูกเกลี้ยงมาก่อน ตามมาด้วยลูกน้อยหน่า+ลูกปืนด้วย วงแตกกระเจิง ฮาๆๆๆๆๆๆๆ! เสือกร้องผิดที่ 3.ที่เชียงราย! ไปร้องเพลงพิทยาสถาพรที่วัดร่องขุน ฝรั่ง+นักท่องเที่ยว ปรมมือกันใหญ่ แสดงว่าเพลงนี้มีหลังมาก! มีคนในวัดร่องขุ่นเห็นเค้าเรียกว่าอาจารย์ ใส่หมวกกระโล่,เสื้อหม้อฮ่อม+กางเกงขาก้วย แบบทางเหนือสะพายย่ามร้องเท่าแตะ เดินยิ้มเข้ามาหา แล้วพูดทักทายกับพวกเราแบบลากเสียงยาน ๆ ว่า “แหม มันช่างอังการณ์งานเพลงจริง ๆ อาจารย์เพิ่งเคยได้ยิน มันมีศิลปะเหนือจินตนาการ มีพลังเหนือจิตใต้สำนึก มีทำนองทีกระตุ้นให้มีความฮึกเหิม มีเนื้อร้องที่บ่งบอกความหายอย่างชัดเจน ” สุดยอด ๆ จริง ๆ “ อาจารย์ขอเนื้อเพลงทั้งหมดนะจะเอาไปบรรจุไว้ในโบสถ์วัดร่องขุนนี้แหละ “ ฮ่าๆ ๆ ของเขาดี ของเขาดี ๆ คงเดาถูกนะว่าเขาเป็นใคร! ใครไปวัดร่องขุนดูด้วย ! คืออิทธิพล ของเพลงพิทยาสถาพร ร้องที่ไหนมีพวกแจมที่นั้น พวกเราคือชาว พ.พ.14-16
จบแล้วคิดถึงเพื่อน ๆ
จาก ต้อยดาร์กี้ 21/04/2554
เพื่อน พ.พ.
เคยเดินสวน กันไปมา นุ่งขาสั้น
รั้ววังจันทน์ ต่างพากเพียร เรียนหนังสือ
ธงม่วงขาว โปกสะบัด พัดระบือ
เพลงพิทยา ลือชาก้อง ท่องขึ้นใจ
องค์นเรศวร ทรงยิ่งใหญ่ ได้ศักดิ์ศรี
พระบารมี แผ่กว้างไกล ให้มุ่งหมาย
นาม พ.พ. เรียกชื่อย่อ โรงเรียนชาย
มีนารายณ์ ยืนเยียบโลก โลกร่มเย็น
อันตะเกียง หากขาดไส้ ก็ไร้แสง
เปลวสีแดง สว่างไสว ไม่ได้เห็น
เปรียบคนเรา นั้นขาดเพื่อน ก็เหมือนเป็น
ดั่งเฉดเช่น แสงมืดมิด ปิดหนทาง

19/4/54

เหยือกเต็มหรือยัง????‏


ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน
เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท
เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึกหัดง่ายๆ
แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด


เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ

เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ
เหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่
ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม

'พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท

แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน
'เต็มแล้ว...'

เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ

หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท กรวดเม็ดเล็กๆจำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆกรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
“เหยือกเต็มหรือยัง?'
นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ 'เต็มแล้ว...'


เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา
และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก
เ ม็ดทรายไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย
เขาเทจนทรายหมดถุง
เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก

เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง “เหยือกเต็มหรือยัง?'

เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน
ปรึกษากันอยู่นาน

หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ
มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง
มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจนเวลาผ่านไปเกือบ ห้านาที
หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น

“คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์'
“แน่ใจนะ'
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ'

คราวนี้เขาหยิบน้ำอัดลมสองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ
ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด
ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง' เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น

“ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้
เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต
การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง
สูญเสียไปไม่ได้

เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เ ช่น งาน บ้าน รถยนต์

ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ
แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน
คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา

ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด
ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน'

ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ
น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า

เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต
เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีคว?มสุข

ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย
พาคู่ชีวิตกับล ูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย
เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต
พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและเป็นห่วง
เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด
หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา

นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม

“แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ
หมายถึงอะไร?'


เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า “การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่าไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด
ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ...'

แล้วเหยือกของคุณล่ะเต็มหรือยัง

11/4/54

วันพุธที่ 13 เม.ย.54 เรามีนัดกันที่ร้านอาหารบ้านอาตี๋น้อย

ถึงเพื่อน ๆ
วันพุธที่ 13 เมษายน 2554 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป
อย่าลืมนะ เรามีนัดสังสรรค์ และรดน้ำดำหัวอาจารย์ผู้มีพระคุณของเรา
ที่ร้านอาหารบ้านอาตี๋น้อย (ทรีเฮาส์)เดิม ทีมงานการจัดงานพร้อมแล้วที่รอต้อนรับเพื่อน ๆ
และมีเพื่อนของเราสมทบเงินให้กับรุ่นเพิ่มอีก 1 ท่านคือ
พล.ต.เด่นดวง ทิมวัฒนา จำนวนเงิน 2,000.-บาท ต้องขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ