โครงการหลวง ป่าสนวัดจันทร์

โครงการหลวง ป่าสนวัดจันทร์
โครงการหลวงป่าสนวัดจันทร์

25/9/54

อ.ไขศรี ประสานวรรณ ถึงแก่กรรม








เมื่อวันที่ วันที่ 21 กันยายน 2554 อ.ไขศรี ประสานวรรณ ถึงแก่กรรม ท่านป่วยเป็นโรคเบาหวาน
พวกเราได้เข้าร่วมพิธีฟังสวดอภิธรรมศพ และฌาปนกิจศพ ที่วัดเขื่อนขันธ์ ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2554
และทางชมรมโดยรองประธานชมรมคุณอนันต์ สิทธิร่งโรจน์ ได้มอบเงินทำบุญในนามชมรมให้กับบุตรสาวอาจารย์ด้วยแล้ว

24/9/54

มีของดี ๆ มาให้อ่านและ พยายามทำให้ได้‏

หนังสือ time magazine บอกว่า ที่อเมริกาได้ มีงานวิจัยพบ ว่าคนที่มีความ สุขมากที่สุดใน โลกก็คือพระใน ทางพุทธศาสนา
โดย ทดสอบด้วยการ สแกนสมอง ของพระ ที่ ทำสมาธิและได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นจริง

+ หลัก ความเชื่อของ ศาสนาพุทธก็คือ เหตุที่ทำให้ เกิดความสุข นั้นก็คืออยู่ กับปัจจุบัน ขณะปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยาก ที่ไม่มีสิ้น สุด
ไม่ ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และ ใช้หลักเวรย่อม ระงับด้วยการ ไม่จองเวร ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น มีจิตใจเมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น

+ อริยะ สัจ 4 สิ่ง ที่พระพุทธเจ้า ทรงค้นพบและบอก ไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย มรรค นิโรธ แท้จริงแล้วก็คือทางเดินไปหาคำว่า "ความ สุข"
เพราะ ถ้าเมื่อไรเรา กำจัด "ความ ทุกข์" ได้ แล้วความสุขก็ จะเกิดขึ้น ทันที

+ อุปสรรค ของความสุขก็ คือแรงปรารถนา และ ตัณหา พระอาจารย์บอกว่า คนเราจะมีความ สุขมันไม่มี ขึ้นอยู่กับว่า"มี เท่าไร"
แต่ ขึ้นอยู่ที่ว่า เรา "พอ เมื่อไร" ความ สุขไม่ได้ขึ้น กับจำนวนสิ่ง ของที่เรามี หรือเราได้...

+ ท่าน สังเกตเอาจาก ชาวนาที่ จ อุบล ถ้าบ้านไหนมีควายไว้ช่วยทำนา 1 ตัว บ้านนั้นจะมี ความสุข แต่เมื่อไรที่ชาวนาคนไหนอยากจะได้ ควายตัวที่ 2 ปั๊ป
ชาวนา คนนั้นจะไม่มี ความสุขเลย เพราะต้องเริ่มคิดว่าจะทำไงดีถึงจะได้ควายอีกสักตัว เราก็เหมือนกัน เมื่อไรที่เรา อยากได้รถคัน ใหม่ อยากได้บ้านใหม่
อยาก ไปเที่ยว อยากจะมัดใจไอ้หมอนั้นให้ได้ (อิ อิ) ฯลฯ เราจะเริ่มเป็นทุกข์ เพราะเราต้อง คิดหาทางที่จะ เอามันมา ให้ได้มาเป็นของเรา..

+ ดัง นั้นวิธีจะมี ความสุขอันดับ แรกต้อง "หยุด ให้เป็น และ พอใจให้ได้" ถ้า เราไม่หยุดความ อยาก(ที่มาก เกินไป)ของเรา แล้วละก็
เรา ก็จะต้องวิ่ง ไล่ตามหลายสิ่ง ที่เรา "อยาก ได้" แล้ว นั่นมันเหนื่อย และความทุกข์ ก็จะตามมา...

+ ข้อ ต่อมาที่ทำให้ เราเป็นสุขคือ การมองทุกอย่าง ในแง่บวก เมื่อเสร็จงานแล้วกลับถึงบ้าน คนที่บ้านถาม ว่าวันนี้เป็น ไงบ้าง ?
ส่วน ใหญ่เราจะตอบ ว่า "โดน บอสด่ามา วุ่นวาย ลูกค้างี่เง่า ฯลฯ " ทำไม เราถึงชอบคิด ถึงแต่เรืองไม่ ดี

+ ใน ชีวิตแต่ละวัน แน่นอนเราต้อง เจอทั้งเรื่อง ดี และไม่ดี แต่ถ้าเราอยากจะมีความสุข เราต้องเริ่ม ด้วยการมองแต่ สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก
เพื่อ ที่ใจเราจะได้ เป็นบวก คิดถึงสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้ สิ่งดีๆที่เรา ได้ทำ....

+ ข้อ ต่อมาคือการให้ หมายรวมถึงการ ให้ในรูปแบบ สิ่งของหรือ เงิน เรียกว่าบริจาค และการให้ความ เมตตากรุณาต่อ กัน
ให้ อภัยทั้งตัวเอง และคนอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย ทำให้เรามีความ สุข....

+ การ ปล่อยวางให้ได้ ในทุกสิ่งที่ เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะ ร้ายแรงและ เศร้าโศกเพียง ใด
จำ ไว้ว่ามันจะโดน เวลาพัดพามันไป จากเราไม่ช้าก็ เร็ว เราจะผ่านพ้นไปได้....และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต
ไม่ ว่าจะเป็น เรื่องที้เรา ไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่าผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
เรา ทุกคนต้องได้ ผ่านบททดสอบนี้ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร...

+ ขอ ให้เรารักษาใจ เราให้เป็น สุขอยู่เสมอ เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่ที่ใจข องเรา นี่เอง

ทำให้ตนเองสดใสได้ ด้วยการยิ้มให้ตนเอง ทำให้คนอื่นสดใสได้ ด้วยการยิ้มให้เขา การยิ้มไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
แต่สร้างความสดใสได้มาก

ยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส เห็นใครทักก่อน
นี่คือ.. วิธีแสดงเสน่ห์แบบง่ายๆ แต่ให้ผลมาก


คาถาที่ควรมีไว้ประจำใจ เมื่อจะซื้อของกินของใช้ ให้ท่องคาถาว่า จำเป็นไหม จำเป็นไหม

ถ้าขาดความพยายามแล้ว
อย่าว่าแต่เข็ญครกขึ้นเขาเลย
แม้แต่เข็ญครกลงเขา ก็ไม่มีทางทำได้

การให้อภัยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
แต่การแก้แค้นลงทุนมาก

เขาด่าว่าเราไม่ถึงนาที เขาอาจลืมไปแล้วด้วย แต่เรายังจดจำ ยังเจ็บใจอยู่...
นี่เราฉลาดหรือโง่กันแน่

บ่นแล้วหมดปัญหาก็น่าบ่น บ่นแล้วมีปัญหา ไม่รู้จะบ่นหาอะไร
เรายังเคยเข้าใจผิดผู้อื่น
ถ้าคนอื่นเข้าใจเราผิดบ้าง
ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร
ทำไมต้องเศร้าหมอง
ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเข้าใจ

อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก
อย่าโกรธไม่เป็นเวลา อย่าโกรธมาก
จะเสียสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

แม้จะฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธไม่ได้ แต่ฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธบ่อยได้ ฝึกให้เป็นผู้รู้จักให้อภัยได้

การนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องของเขา
การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา

การชอบพูดถึงความดีของเขา คือความดีของเรา การชอบพูดถึงความไม่ดีของเขา คือความไม่ดีของเรา

เราเข้าใจเขาผิด เรายังรู้สึกเสียใจ
เขาเข้าใจเราผิด ถึงเขาไม่พูด เขาก็คงรู้สึกเสียใจบ้างเหมือนกัน

โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้
โทษตนเองแก้ไขได้

แก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่แก้ไขช่วยให้ดีขึ้น

การนอนหลับเป็นการพักกาย
การทำสมาธิเป็นการพักใจ
คนส่วนใหญ่พักแต่กาย ไม่ค่อยพักใจ

แม้อยู่ในสังคมที่เร่าร้อน เราก็ไม่จำเป็นต้องเร่าร้อนตาม
แม้จะอยู่ในสังคมที่เครียด เราก็ไม่จะเป็นต้องเครียด

รู้จักทำใจให้รักผู้บังคับบัญชา รู้จักทำใจให้รักลูกน้อง รู้จักทำใจให้รักเพื่อนร่วมงาน
สวรรค์ก็อยู่ที่ทำงาน

เกลียดผู้บังคับบัญชา
เกลียดลูกน้อง
เกลียดผู้ร่วมงาน
นรก ก็อยู่ที่ทำงาน

การที่เรายังต้องแสวงหาความสุข แสดงว่าเรายังขาดความสุข
แต่ถ้าเรารู้จักทำใจให้เป็นสุขได้เอง ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนแสวงหาที่ไหน

รวย แต่ยังเป็นทุกข์มาก
มีเกียรติ แต่ยังเป็นทุกข์มาก
มีชื่อเสียง แต่ยังเป็นทุกข์มาก
นั่นเพราะว่า...
ความทุกข์มากหรือทุกข์น้อย
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ แต่อยู่ที่... ความยึดมั่นถือมั่น มากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น

โอกาสที่จะเป็นเศรษฐี มีไม่เท่ากัน
แต่โอกาสที่จะเป็นคนดี มีเท่ากัน

การทำบุญไม่ต้องรอตอนแก่
เพราะไม่แน่ว่าจะได้อยู่จนแก่หรือไม่
เพราะบางคนแก่แล้ว ยังไม่ได้ทำบุญก็มี
คนไม่ดี มักสนใจในความไม่ดีของคนอื่น
คนดี มักสนใจในความดีของผู้อื่น

อ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวาน นั้นดี.... อ่อนข้อให้เขาบ้างก็ยังดี แต่...อ่อนแอนั้น ไม่ดี

ในการคบคน ศิลปะใดๆ ก็สู้ความจริงใจไม่ได้

จงประหยัด คำติ แต่อย่าตระหนี่ คำชม
อภัยให้แก่กันในวันนี้ ดีกว่าอโหสิให้กันตอนตาย

ถ้าคิดทำความดี ให้ทำได้ทันที
ถ้าคิดทำความชั่ว ให้เลิกคิดทันที
ถ้าเลิกคิดไม่ได้ ก็อย่าทำวันนี้
ให้พลัดวันไปเรื่อยๆ

ถึงจะรู้ร้อยเรื่องพันเรื่อง ก็ไม่สู้รู้เรื่องดับทุกข์
โลกสว่างด้วยแสงไฟ ใจสว่างด้วยแสงธรรม
แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง

ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้
ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม้ได้

มีทรัพย์มาก ย่อมมีความสะดวกมาก
มีธรรมะมาก ย่อมมีความสุขมาก

เมื่อก่อนยังไม่มีเรา
เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก
จึงควรรีบทำดี ในขณะที่ยังมี...เรา

“ ขอขอบคุณ ผู้ที่ได้จัดทำบทความนี้ จึงขอ ส่งต่อ ให้เพื่อนๆๆ เพื่อให้มีสติมากขึ้น และพร้อมที่ จะสู้ต่อไป

ดังเพลงที่ว่า “ ใจสู้หรือเปล่า ไหวไม๊บอกมา โอกาสทางข้างหน้า ศรัทธาไม่มีท้อ "มองชีวิตคุณให้ง่าย"

wachara2499@yahoo.com

9/9/54

สารสัมพันธ์ประจำเดือน กันยายน 2554

สารสัมพันธ์ประจำเดือน กันยายน 2554
*กิจกรรมทางสังคมในรอบหนึ่งเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา สวัสดีครับเพื่อน ๆ ช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ มีกิจกรรมของชมรมฯที่ได้เข้าร่วมโดยเฉพาะงานสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเรา นั้นแสดงว่าตัวเราเองเริ่มอายุมากขึ้นแล้ว บิดามารดาของเราก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก และก็ย่อมหนีไม่พ้นสัจธรรมของชีวิตนั้นเอง ชมรมฯก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อน ๆ คือคุณณชพัฒน์ เทียนไพโรจน์ ที่บิดาถึงแก่กรรม,คุณยุทธนา จารีวิษฎ์ มารดาถึงแก่กรรม,คุณสมพงษ์ คูหาจิตสูญเสียบิดาทำพิธีทางศาสนาที่โบสถ์เซ็นนิโกลาส,คุณถวัย คำอินทร์ที่สูญเสียมารดาไป,คุณสุรินทร์ ศรเพชร มารดาถึงแก่กรรมซึ่งอายุได้ 90 ปีแล้ว และรายล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กันยายนคุณโสภณ คชรักษา บิดาถึงแก่กรรม ใช่ว่าจะมีข่าวเศร้าข่าวดีก็มีเช่นกัน งานแต่งงานของบุตรธิดาไง ปลายเดือนก.ค.งานแต่งบุตรสาวว่าที่นายอำเภอพลัฏฐ์ โชควรพัชร์(เกรียงศักดิ์ เพชรอำไพ) ที่เอาเพื่อนงงกับการ์ดสีแดงเป็นแทบ ๆ ไปว่าการ์ดของใครว่ะ,พอมาเดือนสิงหาคม ก็บุตรสาวของคุณสิทธิเดช เตียวตระกูล เพื่อนๆก็ไปร่วมงานมากมายเช่นกัน........และขอให้เพื่อนๆเตรียมล้างกระเพาะและตับไว้ให้ดีเลย เดือนพฤศจิกายน จะมีงานแต่งงานบุตรสาว ผศ.สุชาติ และอ.ยุพิน สุดประเสริฐ รับรองงานนี้น้องๆงานช้างแน่นอน พอๆกับงานเลี้ยงรุ่นแหละครับ........และเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณวัชระ ภูมรินทร์ (โจ) ได้ส่งข่าวทางมือถือ sms ว่าได้มีการนัดเลี้ยงตอนรับเพื่อนทางมาจากอเมริกาคุณอำนาจ เชยพัฒนากุล(เมฆมงคล) ที่คลับเฮาส์สนามกอล์ฟกองทับบก มีผู้ร่วมสังสรรค์ พ.อ.นพชัย สนองคุณ,คุณวุฒิศักดิ์ วานิย์กุล(แม้ว),คุณผุสดี หิรัญไพบูลย์ (ตุ้ม)เจ้าเก่า เพื่อนคนนี้ใครไปไหนฉันไปด้วยไม่เคยขาดขอให้บอก,คุณยุทธนา จารีวิษฏ์ และคุณณัฐนัย กรวิกรานต์(จิต) ผมยังแซวในอีเมล์เลยว่า สงสัยเพื่อนที่กรุงเทพคงจะรู้จักร้านอาหารอยู่ร้านเดียว เพราะเห็นสังสรรค์กันทีไร ก็ที่นี้ เพื่อน ๆที่พิษณุโลกศึกษาเส้นทางไว้นะ ถ้าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนที่กรุงเทพก็ต้องที่นี้แน่นอน..........
*ขอแสดงความยินดี ชมรมฯขอแสดงความยินดีกับคุณวิชญะ ประกรรษวัต(วิโรจน์ ผาติรงควิวัฒน์) และคุณอรพินทร์ พลไวย์ (อ้อย) ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนครพิษณุโลกอีกหนึ่งสมัย มีวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ซึ่งคุณวิชญะได้บอกกับเพื่อนว่าได้รับเลือกตั้งมา 5 สมัยติดต่อกัน ถือว่าเพื่อนทั้งสองคนเป็นขวัญใจของประชาชนจริง ๆ ซึ่งยังได้ฝากบอกมาว่าตนเองดูแลเรื่องไฟฟ้าถ้าไฟในซอยสาธารณะไม่ติดให้แจ้งได้เลย ส่วนคุณอรพินทร์(อ้อย) บอกว่าวันก่อนคุณยินยง ชำนาญจันทร์ แจ้งว่าถนนในซอยเป็นหลุมลึกมากให้เทศบาลเอาหินไปเทกลบให้หน่อย ซึ่งได้รับบริการตามความประสงค์ด้วยดี.........ถ้าใครมีความเดือดร้อนเรื่องอะไรปรึกษาท่าน ส.ท.ทั้ง 2 ท่านได้นะครับ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องเงินอันนี้ผมคิดว่าคงต้องไปปรึกษาคนอื่น.......ฮิ อิ อิ..........ช่วงเดือนนี้จะได้ยินคำว่าบางระกำโมเดลอยู่เสมอ เพื่อนของเราเป็นนายอำเภออยู่ที่นี้นะครับ คุณธงชัย ทุ่งโพธิ์แดง ต้องขยายเพิ่มเติมเล็กน้อย เดิมที่เพื่อนเค้าเป็นรุ่นพี่เราหนึ่งปี แต่ตอนอยู่ม.ศ.5 เพื่อนอยากมาเรียนรุ่นเดียวกับเราเลยได้มาอยู่ห้อง ม.ศ .5.7 และไปเรียนรามพร้อมกับพวกเรา กิจกรรมงานสังคมของรุ่นเพื่อนไม่เคยขาด ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายอำเภอบางระกำ ตอนนี้แย่หน่อย ต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมมาโดยตลอดตั้งแต่รับตำแหน่งนายอำเภอ ขอให้กำลังใจนะครับ..........สำหรับเพื่อนที่เจอวิกฤติ และมีกำลังใจดีผมเพิ่งไปเยี่ยมเยียนมาล่าสุดต้องยกให้คุณพินิจ ปั้นแสง เมื่อปี2550 ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เสียตาไปหนึ่งข้างรักษาตัวอยู่ปีกว่า พอหายดีแล้วกลับเป็นอัมพฤกษ์ร่างกายขยับไม่ได้ไปครึ่งซีกนอนรักษาตัวเป็นปีต้องหัดเดินใหม่ หลังจากพอจะเดินได้แล้ว มาเป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่อีกต้องตัดลำไส้ไปบางส่วนปัจจุบันหายดีแล้ว ยิ้มแย้มแจ่มใสดีต้องยกความเข้มแข็งให้ครับ........และคุณธนิตศักดิ์ พัชรโพธิ์เจริญ(มานพ โพธิ์เจริญ) ได้เล่นดนตรีที่ใหม่แล้ว โรงแรมอัมรินทร์ลากูน เห็นกระซิบว่า ค่าตอบแทนเป็น 2 เท่าของที่เดิม ยินดีด้วนนะครับ....
*สังคมซุบชิบ ........สำหรับคุณชัยรักษ์ พฤทธิ์พงศ์กุล เปิดร้านขายข้าวแกงที่สี่แยกหลังวัดใหญ่ ได้ข่าวว่าอร่อยมากขายตั้งแต่เช้ายันค่ำเก่งมากเลยครับ.......สำหรับตอนนี้พวกเราหน้าตาก็เริ่มเข้าวัยชรากันแล้วแต่มีเพื่อนส่งข่าวมาว่าสำหรับคุณสมบูรณ์ แก้วสอนแล้วหน้าตายังดูหนุ่มอยู่มาก ใครอยากได้เคล็ดลับโทรถามเองนะครับ......นอกจากหน้าตาจะเข้าวัยชราแล้ว กำลังวังชาก็เริ่มถดถอย พ.ต.อ.พิษณุ รักการศิลป์ หมอสมุนไพรจึงมีสูตรยาดอง บำรุงกำลัง โดยเฉพาะเพื่อปฏิบัติภารกิจ หรืออื่น ๆตัวยา ประกอบด้วย โด่ไม่รู้ล้ม,ฮ่อสะพายควาย,กำลังวัวเถลิง และแก่นฝาง หนักอย่างละ 50 กรัม ใช้ดองสุราขาว ตั้งแต่ 7 วันใช้ดื่มได้ ครั้งละ 1 เป๊กก่อนอาหาร สรรพคุณ ช่วยบำรุงกำลังเพิ่มสมรรถภาพความเป็นชาย แก้ปวดเมื่อย สำหรับตัวยาสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาแผนโบราณ หาง่ายราคาไม่แพง แต่สำหรับคนขี้เกียจทำเองมาซื้อได้ผู้กองพิษณุเพราะทำไว้เสร็จแล้ว......พูดถึงแก้ปวดเมื่อยเพื่อนของเราได้ทำธุรกิจอาบ อบ นวดนิวสูบี้มาใหม่ที่สามแยกเรือนแพคุณเกศณรงค์ สุวรัตน์(ตู่) สามารถไปใช้บริการได้นะครับ.........เมื่อเดือนที่แล้วได้รับโทรศัพท์จากคุณเกียรติสกุล กัลยาณมิตร ว่าขอให้แก้ไขเบอร์โทรศัพท์ให้ด้วย แก้ให้แล้วนะครับ ได้ข่าวเพื่อนสุขภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่แต่มีบางครั้งยังไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนที่กทม.เวลานัดสังสรรค์เก่งมากเห็นเพื่อน ถ่ายรูปกับยศทวีชัย ณ.นครพนม และมีคุณสถาพร ภู่ทองคำ ถ่ายด้วย........ชมรมของเราก็มีเพื่อนสุภาพสตรีด้วย คนขยันทำบุญงานศพ งานบุญพบบ่อยๆต้องคุณจิตราภรณ์ สุนทรเวช พบตามงานได้บ่อย ๆ .......คุณฐานียา ว่องวิญญู สอนอยู่เฉลิมขวัญสตรี งานรุ่นครั้งต่อไปเชิญด้วยนะครับ......ล่าสุดพบเพื่อนสตรีอีกหนึ่งคนโดยบังเอิญอ.อรุณีย์ จันทร์จำเนียร และเป็นญาติกับนภดล จันทร์จำเนียร ได้ขอที่อยู่ไว้แล้วเพื่อจัดส่งสารสัมพันธ์ต่อไป......สำหรับคุณจงจิตร ชัยรัตน์ที่อยู่เดิมตามทะเบียนส่งที่จังพิษณุโลก ไม่ทราบว่าจะได้รับสารสัมพันธ์หรือเปล่า ถ้าเพื่อนคนไหนพบถามให้ด้วยนะครับจะได้แก้ไขให้ใหม่.......คุณทิวา แก้วเมือง เพื่อน ๆ ก็ถามหานะครับไม่ค่อยได้พบนานมากแล้ว.......คุณบังอร เอกเอี่ยม ก็ได้มาร่วมรุ่นเป็นระยะ ๆ นะ ไม่รู้ปีนี้จะได้มาหรือเปล่าเพราะมีตำแหน่งงานสูงขึ้นเวลาว่างก็น้อยลงสวนทางกัน........สำหรับอ.เฉลิมพร จันผา ตั้งแต่เออร์รี่รีไทร์ ไม่ค่อยได้มาประชุมเลยนะซุ่มไปนั่งฟังเพลงที่ไหนหรือเปล่าส่งข่าวบ้างนะ.....คนนี้ซิอยู่ในพิษณุโลกเรานี้เองใครได้พบตัวถือว่ามีบุญโชคดี คุณชวนะ บุญอินทร์(อาร์ต). หลายเดือนแล้วผมพบโดยบังเอิญที่บิ๊กซี หลังจากนั้นผมถูกหวยเลยถือว่าโชคดีหรือเปล่าหละครับ......เวลาชมกีฬาบาสเกตบอลอดคิดถึงเพื่อนคนนี้ไม่ได้คุณทวีศักดิ์ สังสิทธิสวัสดิ์(ฮง) เพราะตอนเรียนเพื่อนชอบเล่นมากวิ่งไปทั่วสนาม ได้ข่าวมาว่าเพื่อนได้ไปตั้งหลักฐานที่ จ.ขอนแก่นแล้วถ้าว่าง ๆ มาเที่ยวพิษณุโลกบ้างนะ.......ช่วงหลังไปวังทองบ่อยพบกับคุณดิเรก ปั้นประเสริฐ สุขภาพก็ยังแข็งแรงดี ยิ้มแย้มแจ่มใสดี.......เรื่องดนตรีก็ต้องอ.สมพงษ์ เนียมเปีย ปัจจุบันสอนวิชาดนตรีที่โรงเรียนศรีวิสุทธาราม (วัดโคกมะตูม) ตอนเรียนก็เป็นสมาชิกวงดุริยางค์ของโรงเรียน.ใจรักดนตรีจริง ๆ ........เพื่อนที่อยู่พิษณุโลกช่วงหลังกลุ่มเพื่อนๆไม่ค่อยได้พบมีหลายท่าน งานรุ่นครั้งนี้เชิญนะครับเช่น คุณชนะ กองอังกาบ,คุณเชาว์ คล้ายสุวรรณ,คุณเชิงชาย เก่งพาณิชย์,คุณนพพร สุดหอม,คุณนิกร อินทร์อักษร,จ.ส.อ.บุญเสริม ปั้นประเสริฐ,คุณประทุม จันทร์นิเวช,คุณเผชิญ คงพล,คุณพิสุทธิ์ เจริญกุลศักดิ์ อยู่อ.วัดโบสถ์เรานี้เอง,ร.อ.ศิริสันต์ พลศิริ,คุณพณศักดิ์ ภานุเจต(สุรชัย หรือหลิม),คุณบัญชา ทับทองหลาง,คุณวิษณุ เสนายุติธรรม พบพวกเพื่อนๆครั้งล่าสุดงานแต่งงานบุตรสาวสิทธิเดช ,คุณสมชาย สายสวาท คนนี้สอนอยู่ ร.ร.พุทธชินราช คงจะได้พบกับ อ.ทรงภรต ภู่กรบ่อย ๆ และคุณวรวุฒิ ดวงรัตนประทีป(แขก) สำหรับคนนี้เห็นว่าตอนสายๆของทุกวันต้องไปเล่นเทนนิส รักษาสุขภาพน่าดู,,,, ไปทางไหนเจอแต่โฆษณาการลดน้ำหนักทำให้คิดถึงเพื่อนคุณจตุพงษ์ ศรีโพธิ์(พินิจ) น้ำหนักตัวไปถึงไหนแล้วหรือคงเดิมบอกด้วยครับและเห็นว่าเจอกับคุณณรงค์ เพ็งพุ่มบ่อย ๆ ฝากความคิดถึงด้วยครับเคยเห็นรูปที่ถ่าย ครั้งเมื่อเพื่อนที่กรุงเทพสังสรรค์กันหน้าตายังหล่อเหลาเหมือนเดิม...และฝากคิดถึงคุณอุดมเดช วิเศษพาณิชย์ ไปตั้งหลักตั้งฐานที่ จ.เชียงรายแล้ว ว่าง ๆเชิญเพื่อนมาเที่ยวพิษณุโลก และสังสรรค์งานรุ่นสักครั้งนะครับ......งานถ่ายรูปต่าง ๆ นอกจากจะมีกล้องของ จ.ส.อ.อุดร ชมกุล ซึ่งจะเออร์รี่ไทร์ ก.ย.นี้แล้ว ก็จะมีของคุณสุรชัย พงษ์พาณิชย์(ยุ้ย) เสี่ย อ.วังทอง มาเสริมอีก 1 คน ส่วนกล้องของคุณอนันต์ สิทธิรุ่งโรจน์(เม้ง) ถ่ายโดยคุณตุ่ม ภรรยาทุกงาน รายนี้ถ่ายแล้วเก็บไว้ในกล้องอย่างเดียวเพราะยังส่งมาให้ทางอีเมล์ไม่เป็น ถ้าอยากได้ต้องไปเอาเองนะจ๊ะจะบอกให้.........สำหรับเพื่อนที่ทุกคนถามหา และคิดถึงอยู่เสมอก็มีหลายคนนะครับ ที่เรียนจบแล้วไม่ค่อยได้พบกันอาจจะเป็นว่าไม่ค่อยว่าง หรือติดธุระอื่นๆก็เช่น.....คุณกิตติ หอวรรณภากรณ์ ทำงานที่กรมการปกครอง,คุณจักรวาล นาคะรัตน์(จอย) เป็นทนายความที่กรุงเทพ,คุณนิลวัฒน์ พัฒนพงษ์ ตามทะเบียนส่งจดหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง,คุณบดินทร์ เหมาคม ตามที่อยู่ที่ให้ไว้จ.นนทบุรี,คุณเริงชัย เถื่อนสอน อยู่ที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมเรานี้เอง,ผ.อ.วัชรินทร์ ทับทองหลาง,คุณสมยศ ทองพระไชยนาม อยู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแต่ผมติดต่อทางอีเมล์อยู่เสมอ,คุณปฎิภาณ(สายันห์) ชาญณรงค์ อดีตประธานชมรมของเรา,คุณอภิสิทธิ์ พูลเผ่าดำรงค์,คุณสุขุม บัวแฝง เพื่อนคนนี้ทำธุรกิจที่จ.ตาก เพื่อนบ้างคนคงได้พบบ้าง,คุณไพกี หาทรัพย์ ข้อมูลที่ได้ทำงานที่ธนาคารกรุงไทย สาขาหล่มสัก,คุณชัยยุทธ วิภาสวงศ์ อยู่องค์การโทรศัพท์พิษณุโลกเรานี้เอง ยังไงเสียถ้าได้รับสารสัมพันธ์ประจำเดือน ก็ยังสื่อถึงกันอยู่เสมอนะครับและขอเชิญร่วมงานเลี้ยงรุ่นปลายปีนี้นะครับ และจะมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ด้วย เนื่องจากประธานคนเดิมท่านรองอธิปบดีบุญส่ง เตชะมณีสถิยจะครบวาระ..........

*รายนามผู้บริจาคเงินให้ชมรมฯ และขอขอบคุณ รายนามผู้บริจาคเงินให้ชมรมฯ และรายการรายจ่ายจัดทำสารสัมพันธ์
มี.ค.54 คุณอานันทร์ นิรมล(อนันต์นพ) จำนวนเงิน 2,000. บาท
มี.ค.54 คุณธิราภรณ์ เผือกทอง จำนวนเงิน 1,000 บาท
มิ.ย.54 คุณสิทธิชัย พัฒนพงศ์พิทักษ์(เขียว) จำนวนเงิน 2,000 บาท
รวมเป็นเงิน ช่วงนี้ 5,000.บาท และได้เป็นทุนจัดทำสารสัมพันธ์ 3 ฉบับ
จัดทำฉบับเดือน มี.ค.54,เม.ย.54 และส.ค..54 จำนวนแต่ละครั้ง 350 ฉบับ ค่าถ่ายเอกสาร,พับ,ติดที่อยู่และค่าไปรษณีย์ รวมครั้งละประมาณ(แล้วแต่จำนวนแผ่น) 1,600.บาท รวมเป็นรายจ่าย 4,800 บาท คงเหลือ 200 บาท ในสารสัมพันธ์ฉบับเดือนส.ค.นี้จึงได้ขอบริจาคเพื่อนๆเพื่อเป็นทุนจัดทำสารสัมพันธ์ และจะได้มีความต่อเนื่อง จึงมีเพื่อนบริจาคสมทบทุน
12 ส.ค. คุณสมนึก ศรีวันทนียกุล จำนวนเงิน 1,000 บาท
15 ส.ค. คุณยุทธนา จารีวิษฏ์ จำนวนเงิน 5,000 บาท
20 ส.ค. คุณสมพงษ์ คูหาจิต จำนวนเงิน 2,000 บาท

รวมเป็นเงิน 8,000 บาทและของเดิมมีอยู่ 200 บาท รวมทั้งสิ้น 8,200 บาท ซึ่งสามารถจะเป็นทุนจัดทำสารสัมพันธ์ไปได้อีก 5-6 เดือน และในระหว่างจัดทำสารสัมพันธ์อยู่นี้มีเพื่อนโทรมาแสดงความประสงค์จะบริจาคให้อีก คือคุณนิทัศน์ รุ่งนภาเนตร(ตา) ,และอ.คุณอานันทร์ นิรมล(อนันต์นพ) ซึ่งได้กลับมาเที่ยวบ้านที่ จ.พิษณุโลก เพราะเพื่อนของเรา เป็นอาจารย์ที่ ม.ทักษิณ จ.สงขลา ซึ่งก็จะทำให้มีเงินทุนจัดทำ และออกสารสัมพันธ์ได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ซึงผมจะส่งบัญชีรายจ่ายต่าง ๆให้ กับคุณจรัล วงศ์กังแห(ตึ้ง)เหรัญญิก ต่อไป และเพื่อนๆก็จะได้รับสารสัมพันธ์ ไม่กระท่อนกระแทน สื่อสารถึงกันและคิดถึงกันตลอดไป เพราะไม่ต้องไปรบกวนเงินกองกลางซึ่งนับวันจะหรอยหรอลงทุกวัน เพราะยังไม่ได้ทำกิจกรรมหารายได้นานแล้ว นับแต่งานราตรีสองแควเมื่อ พ.ย.53
*โปรแกรมท่องเที่ยว เสียงส่วนใหญ่มีแผนจะไปนอนที่ภู่ทับเบิก ประมาณเดือน ต.ค. หรือ พ.ย.นี้ โดยให้ พ.อ.อ.อดุลย์เลิศ สนศิริ ประสานงานเพราะเคยไปมาบอกอากาศดีมาก ๆ คงไปช่วงเสาร์-อาทิตย์ อาจจะแวะทำบุญ ทอดผ้าป่า ไว้รอฟังข่าวนะครับ ......มนตรี ศรีภิรมย์

เพื่อนที่เปลี่ยนชื่อ,เปลี่ยนนามสกุล และ เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุล

เปลี่ยนชื่ออย่างเดียว
เช้า โพธิ์ศรี เปลี่ยนเป็น กิตติศักดิ์ โพธิ์ศรี(เช้า)
สุรชัย ภาณุเจต “ พณศักดิ์ ภาณุเจต(หลิม)
มัน ดอนตุ้มไพร “ อุทัย ดอนตุ้มไพร(มัน)
สันติ กิตติจารุรักษ์ “ เศรษฐา กิตติจารุรักษ์(ใหญ่)
ยอดแก้ว พยัตตพงษ์ “ ธนัญชัย พยัตตพงษ์(ยอดแก้ว)
สนอง พรมเทศ “ พุฒิพงษ์ พรมเทศ
สายันห์ ชาญณรงค์ “ ปฏิภาณ ชาญณรงค์
อานันต์นพ นิรมล “ คุณอานันท์ นิรมล
วริศ จันทรเบญจกุล “ ศตนันท์ จันทรเบญจกุล
สมจิตร กรวิกรานต์ “ ณัฐนัย กรวิกรานต์(จิคร)
เปลี่ยนนามสกุลอย่างเดียว
สงัด เสาวรมย์ “ สงัด หิรัญวุฒิญากร(หงัด)
เกศณรงค์ ฮั่นพงศ์กุล “ เกศณรงค์ สุวรัตน์(ตู่)
เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุล
มานพ โพธิ์เจริญ “ ธนิตศักดิ์ พชรโพธิ์เจริญ(เปี๊ยก)
พิทักษ์ สันติวงศ์เดชา “ จิรัฎฐ์ สันติวงษ์สกุล(ทักษ์)
เกรียงศักดิ์ เพชรอำไพ “ พลัฎฐ์ โชควรพัชร์(เกรียง)
วิโรจน์ ผาติรงควิวัฒน์ “ วิชญะ ประกรรษวัต(โรจน์)
สมชาย ทองเถื่อน “ กัณธนพงศ์ กัญจน์ธนะโชติ
อดุลย์ ปันโงน " จักรพงษ์ วีระมาชา


เท่าที่ผมทราบ และรวบรวมได้มีเท่านี้ ซึ่งคงจะมีตกหล่น ไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้อง หรือสะกดผิด ผมต้องขอโทษด้วย
ถ้าตนองทราบ หรือเพื่อน ๆ ทราบ สามารถส่ง sms 081-9626506 มาให้ผมแก้ไข และพิ่มเติมได้นะครับ
หรือส่งมาทางอีเมล์ก็ได้ ยินดีแก้ไขให้ถูกต้องครับเ

จดหมายจาก U.S.A. คุณอำนาจ เชยพัฒนากุล

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกๆ ท่าน,

ก่อนอื่นผมต้องขอโทษเพื่อนๆ บางท่าน ที่ผมไม่ได้ส่งข่าวคราว (หรือไปร่วมงานกิจกรรมต่างๆ ของรุ่น) ในระหว่างที่ผมได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ พล. ในครั้งนี้.....ด้วยเพราะเหตุที่ว่า ช่วงระยะเวลามันค่อนข้างจะสั้นและจำกัด

แล้ว ผมขอขอบคุณบรรดาเพื่อนๆ ที่อยู่ในกรุงเทพ โดยเฉพาะเพื่อนโจ, แม้ว, ผู้การโต, จิตร (ชื่อใหม่ที่เปลี่ยนตั้งแต่สมัย มศ. 5: ณัฐนัย ภูวชัยวิเวทย์, ถ้าสมองผมยังทำงานเป็นปกติ), ยิ้ว (ที่ไม่ได้พบกันมานานมากกว่า 36 ปี - จากวันที่ได้แยกย้ายกันไปผึกวิทยายุทธ์หลังจากเรียนจบชั้น มศ. 5) และตุ้ม-เป็ด ที่ได้ร่วมกันจัดงานเลี้ยงส่งผมอย่างฉุกละหุก ในคืนก่อนวันเดินทางกลับมานิวยอร์ค - 30 สค. 2511

และในระหว่างที่แวะพำนักอยู่ที่ใน กท. ผมก็ได้มีโอกาสไปเดินยืดเส้นยืดสายเล่นที่ในสนามกอล์ฟ ทบ. ร่วมกับเพื่อนตี้ และ ผู้การโต (เจ้าของสนามฯ โดยพฤตินัย)....ที่อาจจะตอบคำถาม ที่บางคนตั้งข้อสงสัย แซวมาว่า ทำไมพวกเราจะต้องไปจัดงานเลี้ยงกันแต่ที่คลับเฮ้าส์ของสนามกอล์ฟ ทบ.?
(อ้อ ในขณะที่ กำลังซ้อมๆ ไดรฟ์ อยู่ที่ไดรฟ์วิ่งเรนจ์อยู่ ก็ได้เจอกับเพื่อนหนุ่ม - ผู้การศูนย์ผสมพันธุ์ฯ...โดยอย่างบังเอิญ, เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสร่วมก๊วนเดียวกัน....เอาไว้โอกาสหน้านะครับท่านผู้การ)

เอาละครับ ต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อนะ เพราะมีปัญหาต่างๆ ที่ลูกน้องเอามาวางกองสุมอยู่บนโต๊ะ เกือบๆ 6-7 ไฟล์
....OK, let me return back to reality !!!

ด้วยจิตคารวะ
อำนาจ

4/9/54

เด็กสาวหัวใจแกร่ง ทำงานพิเศษ 7 ที่ เลี้ยงพ่อพิการ แม่ฟั่นเฟือนและน้องที่เป็นโรคหัวใจ




เห อผิง กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ภาควิชาภาษาต่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหูหนาน เธอหัวเราะเก่ง ชอบเล่นกีฬา รักการร้องเพลง เป็นทั้งเด็กเรียนและเด็กกิจกรรมแถวหน้าของทางมหาวิทยาลัย ความสดใสมีชีวิตชีวาของเธอคงจะไม่แตกต่างจากหนุ่มสาววัยเดียวกัน ถ้าเพียงแต่ว่าเหอผิงจะไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่มีพ่อผู้พิการจากอุบัติเหตุ แม่ซึ่งเป็นโรคระบบประสาทบกพร่อง และน้องชายที่เป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด

เหอผิง เกิดเมื่อปี 1991 เป็นชาวตำบลเฉิงถานเจียง เมืองหลิวหยัง มณฑลหูหนาน ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวยากจนเพียงไม่กี่ครอบครัวในเมืองที่ร่ำรวยจากการ เป็นแหล่งผลิตพลุและประทัดส่งออกที่ขึ้นชื่อของประเทศจีน เหอหรงบิดาผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานหนักจึง ต้องไปเป็นคนงานในโรงงานทำพลุ มารดาป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป

เนื่องจากบิดามารดาร่างกายไม่แข็งแรง ต้องหมดเงินไปกับการรักษาพยาบาล ขณะที่รายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอกับรายจ่าย เหอผิงที่เพิ่งจะรู้เดียงสาจึงหาทางหารายได้พิเศษด้วยการไปรับจ้างม้วน กระดาษห่อประทัดในโรงงานตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เหอ อิ่งชุน ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาอู๋เถียนที่เหอผิงเคยเรียน เล่าให้ฟังว่ายังจำได้ดีถึงเวลาเปิดภาคเรียนใหม่ทุกเทอม เด็กหญิงเหอผิงจะกำเงินยับย่นยู่ยี่เลอะสีแดงที่มาจากน้ำพักน้ำแรงในโรงงาน ประทัดมาจ่ายค่าเทอมเสมอๆ ส่วนผลการเรียนของเหอผิงอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเหอผิงเล่าว่าความรักเรียนและความกระหายในวิชาความรู้ของเธอมาจากความ กลัวที่ว่า อาจมีวันใดวันหนึ่งที่เธอจะ "ไม่มีโอกาสได้เรียนอีกต่อไป"

เมื่ออายุได้ 12 ปี เหอจวิน น้องชายผู้เป็นโรคหัวใจก็ถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัว ทว่าความยากลำบากในชีวิตของเหอผิง ดูเหมือนว่าเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เดือนมีนาคม ปี 2008 เหอหรงผู้พ่อเกิดมีเลือดออกในสมอง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 2 ครั้ง ใช้ค่าใช้จ่ายนับหมื่นหยวน เหอผิงจึงต้องลาหยุดเรียนชั่วคราวเพื่อไปเที่ยวขอรับบริจาคเงินค่ารักษาพ่อ จากบ้านญาติ โรงงานพลุ และองค์กรการกุศลของรัฐในท้องถิ่น จนกระทั่งได้เงินมารักษาพ่อสำเร็จ แต่อาการเลือดออกในสมองทำลายขาสองข้างของเหอหรงจนไม่สามารถเดินได้ปกติอีก ต่อไป เหอหรงเล่าว่าวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาล เขากลายเป็นคนทุพลภาพไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ จึงได้แต่ร้องไห้และจับมือบุตรสาวเอาไว้ แต่กลับเป็นเหอผิงบุตรสาวที่เข้มแข็งกว่า กล่าวปลอบใจพ่อว่า "เมื่อยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง ขอเพียงพ่อยังอยู่กับหนู เราจะข้ามผ่านมันไปด้วยกัน"




บิดา-มารดาของ เหอผิง ต่างก็ร่างกายไม่สมประกอบ แต่ในความโชคร้ายยังแฝงไว้ด้วยความโชคดีที่มีลูกสาวที่ชื่อ เหอผิง คนนี้


เห อผิงเล่าว่า ครั้งที่ 2 ที่บิดาต้องนอนโรงพยาบาล พ่อได้เรียกเธอมาข้างเตียงและกล่าวเชิงสั่งเสียว่า "ถ้าหนูเป็นลูกพ่อจริง ต้องหาทางรักษาโรคหัวใจให้น้อง" คำๆ นี้ราวกับสลักเอาไว้ในใจของเธอ โชคเข้าข้าง เมื่อวันหนึ่ง มีข่าวว่าองค์กรการกุศลระดับมณฑลร่วมมือกับโรงพยาบาลเซียงหย่าจัดโครงการผ่า ตัดโรคหัวใจแต่กำเนิดฟรี 100 คน เหอผิงจึงพยายามทุกวิถีทาง เดินทางออกจากหมู่บ้านเพียงลำพังครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอให้น้องชายเข้า ร่วมโครงการดังกล่าว สุดท้ายความพยายามของเธอก็ส่งผล น้องของเธอได้เข้าร่วมโครงการรับการผ่าตัดในที่สุดและการผ่าตัดก็ประสบผล สำเร็จอย่างดี

ปี 2009 เหอผิงสอบติดภาควิชาภาษาต่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หูหนาน เมื่อต้องไปศึกษาต่อ สิ่งที่เธอกังวลใจมากที่สุดยามห่างจากบ้านคือน้องชาย กลัวว่าน้องจะป่วย กลัวน้องเกิดอุบัติเหตุ กล้วน้องทานอาหารไม่ได้ กลัวน้องไม่โต ครั้งหนึ่งเหอผิงเล่าว่า เมื่อเธอกลับมาเยี่ยมบ้าน พบว่าน้องชายใบหน้าซีดเหลืองผิดปกติ เหอผิงจึงพาน้องชายไปหาหมอที่โรงพยาบาล ผลการตรวจพบว่าปริมาณสารตะกั่วในเลือดของน้องมากเกินไป ต่อมาค่อยทราบว่าช่วงที่เธอไม่อยู่จึงไม่มีคนไปตักน้ำสะอาดในบ่อที่อยู่ไกล ออกไป 300 เมตรมาไว้ใช้ในบ้าน มารดาของเธอใช้น้ำในบึงข้างบ้านมาทำอาหาร ซึ่งอาจปนเปื้อนสารตะกั่วจากโรงงานพลุและประทัด ทำให้สารพิษสะสมในร่างกาย นอกจากนี้อาการป่วยของบิดามารดาก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กน้อยที่ต้องอยู่ใน สภาพแวดล้อมเช่นนี้จนกลายเป็นเด็กซึมเศร้า

พี่สาวคนนี้จะดูแลน้องเอง!

เมื่อความคิดนี้ผ่านเข้ามา เด็กสาวที่กล้าคิดกล้าทำอย่างเหอผิงตัดสินใจทันที เธอไปขอร้องผู้อำนวยการโรงเรียนประถมในสังกัดมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ให้ รับน้องเธอเข้าเรียน และพาน้องชายมาอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ข้างโรงเรียนด้วยกัน 2 คนพี่น้อง ซึ่งเจ้าของห้องเช่าเมตตาคิดค่าเช่าเพียงครึ่งหนึ่ง จากนั้นเธอจึงดูแลเรื่องสุขภาพของน้องอย่างใกล้ชิด เธอมักจะอดเพื่อให้น้องอิ่มเสมอ เพราะเธอตั้งปนิธานเอาไว้ว่าต้องให้น้องได้กินปลาทุกวัน และได้กินผลไม้กับนมอย่างน้อยวันเว้นวัน เพื่อให้เด็กน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง
 
ปัจจุบันเหอผิงทำงานพิเศษรวม 7 ที่ ทั้งงานสอนพิเศษเด็กตามบ้าน รับจ้างทำความสะอาดตึกเรียนตอนพักกลางวัน และเป็นเด็กเสิร์ฟ ตารางชีวิตประจำวันของเธอถูกจัดไว้อย่างแน่นเอี้ยด ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงตีหนึ่ง ซึ่งความทุ่มเทของเหอผิงก็ไม่เสียเปล่า เพราะน้องชายของเธอค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ร่าเริงขึ้น และเรียนดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แม้ว่าสองพี่น้องจะไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบ้านเพราะเหอผิงต้องทำงานพิเศษรวม ทั้งเสียดายค่าเดินทาง แต่เธอก็ส่งเงินไปให้ทางบ้านทุกเดือนเพื่อให้พ่อแม่ได้ในชีวิตประจำวันและ ใช้ไปหาหมอ เมื่อถึงเทศกาลพิเศษเช่น ตรุษจีน เธอก็ไม่ลืมที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้พ่อ แม่ และน้องเสมอๆ ส่วนของตัวเธอเองนั้น เท่าที่จำความได้ไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ เพราะทั้งหมดเป็นของเก่าที่ได้รับบริจาคมา




เหอผิง ผู้เป็นทั้งพี่สาว และแม่จำเป็น เธอหวังว่าน้องชายของเธอจะเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ


คนจนผู้ยิ่งใหญ่

กรกฎาคม ปี 2008 เหอผิงบังเอิญเจอข่าวเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เกี่ยวกับเด็กนักเรียนมัธยมฐานะยากจนที่ขอรับบริจาคเงินกว่าแสนหยวนเพื่อให้ มารดาของเขาได้เข้ารับการผ่าตัด เหอผิงอยากช่วย เพราะเธอรู้รสชาติของความลำบากนั้นดีเพราะบิดาของเธอก็ได้รับการผ่าตัดเพราะ เงินบริจาค เธอจึงตัดสินใจบริจาคเงิน 1600 หยวน จากเงินเก็บราว 3000 หยวนที่เธอทำงานมาทั้งชีวิต ให้เด็กชายคนนั้น เมื่อเด็กชายทราบว่าพี่สาวผู้ใจดีที่บริจาคเงินให้เขาในครั้งนี้อาจจะเป็นคน ที่มีฐานะยากจนกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ จึงตื้นตันในมากและขอบคุณเหอผิงผ่านทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับนั้น

เมื่อย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ดงกล่าว เหอผิง บอกว่าแม้ว่าเธอจะจนเงินทอง แต่ไม่ได้จนสติปัญญา ในยามที่เธอลำบากก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเช่นกัน "ฉัน ต้องการที่จะตอบแทน ขณะเดียวกันก็เป็นการให้กำลังใจตัวเองด้วยว่า ฉันไม่ใช่คนที่เอาแต่ยื่นมือรับเงินของคนอื่น ขอเพียงทุกคนมีความรักและเมตตา สังคมก็จะสวยงามกว่านี้อีกมาก"

เป็นดั่งทานตะวันกลางแสงอาทิตย์

เหอผิง เป็นเด็กร่าเริง ยิ้มเก่ง จนคนภายนอกนึกภาพไม่ออกว่าเธอเป็นคนเดียวกับเด็กสาวที่แบกภาระของครอบครัว เอาไว้มากมาย ในด้านการเรียน เหอผิงอยู่ในระดับแนวหน้า เคยได้รับรางวัลชนะเลิศการพูดทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้เธอยังเป็นนักร้อง นักโต้วาที และพิธีกร ของมหาวิทยาลัย ในห้องเช่าเล็กๆ ของเธอจึงประดับไปด้วยประกาศนีบัตรใบแล้วใบเล่า และด้วยความสามารถที่โดดเด่นรอบด้านทำให้เธอเพิ่งได้เป็นตัวแทนจำหน่ายบัตร เงินสดสำหรับใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยให้นักศึกษา ซึ่งค่าตอบแทนมากกว่าการเป็นครูสอนพิเศษตามบ้านหลายช่วงตัว

"วันเวลาที่ยากลำบากที่สุดของฉันผ่านไปแล้ว ฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น" เหอผิงกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมตามนิสัยของเธอ

สำหรับ หลายคนอุปสรรคอาจทำให้ท้อแท้ แต่สำหรับบางคนขวางหนามกลับเป็นแรงผลักดันให้ฮึดสู้ต่อไป ที่หัวนอนในห้องเช่าเล็กๆ ของเหอผิงแปะรูปดอกทานตะวันเอาไว้ เพราะเธอชอบดอกทานตะวัน แม้ว่าจะเป็นดอกไม้พื้นๆ ที่ขึ้นตามท้องทุ่ง แต่ทานตะวันหันหน้าเข้าหาแสงสว่างจากดวงอาทิตย์เสมอ เช่นเดียวกับ เหอผิง เด็กสาวที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต ไม่เคยย่อท้อต่อชะตากรรมที่โถมซัดเข้ามา แต่กลับเปลี่ยนทุกบาดแผลมาเป็นพลัง ให้หัวใจดวงน้อยแกร่งพอที่จะนำพานาวาชีวิตฝ่าคลื่นลมไปถึงฝั่งฝันจนได้ในสัก วัน

From: tanitsak_53@hotmail.com

3/9/54

ข่าวประชาสัมพันธ์....ชมรม

ชมรมขอส่งข่าวประชาสัมพันธ์ที่ขอเชิญสมาชิกร่วมงานดังนี้

-เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน มารดาของคุณสุรินทร์ ศรเพชรถึงแก่กรรม
ปัจจุบันตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านริมน้ำ อ.วังทอง ชมรมได้เป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพแล้ว
เมื่อคืนวันที่ 2 กันยายน กำหนดฌาปณกิจศพที่ วัดวังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
เวลา 16.00 น.ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน จึงขอเรียนเชิญเพื่อน ๆ ร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน

-และเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 2 กันยายน บิดาของคุณโสภณ คชรักษา(เตี้ย) ถึงแก่กรรม
ปัจจุบันตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดจันทร์ตะวันออก ชมรมกำหนดเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ
ในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน เวลา 20.00 น.และกำหนดฌาปณกิจศพในเย็นวันอังคารที่ 6 กันยายน
จึงขอเรียนเชิญเพื่อน ๆ สมาชิกร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน

2/9/54

กิจกรรมสังสรรค์....เพื่อนกทม.‏













เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณวัชระ ภุมรินทร์ ได้กินเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนที่มาจากแดนไกล คุณอำนาจ เชยพัฒนา กลับจากอเมริกา ที่คลับเฮาส์สนามกอล์ฟกองทัพบก มีเพื่อนร่วมงานหลายท่านคือ คุณวุฒิศักดิ์ วานิชย์กุล,พ.อ.นพชัย สนองคุณ,คุณผุสดี หิรัญไพบูลย์,คุณยุทธนา จารีวิษฎ์ และ คุณณัฐนัย กรวิกรานต์ ขอแซวเพิ่มเติม เพื่อน ๆ ชมรมศิษย์เก่าที่กรุงเทพฯ คงจะรู้จักทางที่จะไปทานอาหารอยู่ร้านเดียว คือที่คลับเฮาส์สนามกอล์ฟกองทัพบก เพราะผมไม่เคยเห็นว่าวจะไปสังสรรค์ที่อื่นเลย
หรือเห็นว่า พ.อ.นพชัย เป็นเจ้าถิ่น เลยเอาที่นี้ที่เดียว เพราะฉะนั้น เพื่อนที่ต่างจังหวัดต้องศีกษาเส้นทางคลับนี้ให้ดีนะครับ เพราะถ้าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนที่กรุงเทพ ก็คงจะที่นี้แน่นอน
จาก
มนตรี
หมายเหตุ ภาพประกอบข่าว มาจากหลาย ๆ ที่ ใครเป็นใครดูเอาเองก็แล้วกัน ส่วนภาพที่ทานที่คลับเฮาส์ไม่มี คราวต่อไปขอความกรุณาคุณโจ
ส่งมาให้ผมสักครั้งนะครับ